ไขคำตอบ “หน้าแห้ง เกิดจากอะไร” พร้อมวิธีจัดการชนิดอยู่หมัด ทำตามได้ไม่ยาก

ปัญหาผิวหน้าแห้งเสีย หน้าลอกเป็นขุย จะแต่งหน้าทั้งทีก็แสนยากเย็น ตกบ่ายมาเมื่อไหร่เครื่องสำอางก็ไม่เคยเกาะแน่นอยู่บนหน้า พาลทำให้เราเสียความมั่นใจ สารพัดสกินแคร์ที่ใครเขาว่าดีก็ลองซื้อมาใช้แล้ว แต่ทำไมปัญหาผิวหน้าแห้งถึงยังไม่ยอมหมดไป แต่ทราบหรือไม่คะว่าบางครั้งปัญหาผิวหน้าแห้งเสียนี้เกิดมาจากตัวเราเองที่มีพฤติกรรมทำร้ายผิวแบบไม่รู้ตัว!! Sophist จะขอพาทุกคนมารู้จักสภาพผิวหน้า “ผิวแห้ง” กันโดยละเอียด ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร และควรแก้ไขแบบไหน เพื่อผิวสวยใส เรียบเนียนของเรา
ผิวแห้งเสีย คืออะไร
ผิวแห้งเสีย (Dry Skin หรือ Xerosis) เกิดจากสภาวะที่ผิวของเราสูญเสียความชุ่มชื้นให้กับชั้นบรรยากาศภายนอก โดยเกิดการระเหยของ “น้ำ” ออกจากชั้นผิว เนื่องจาก “ไขมัน” ในชั้นผิวเกิดความบกพร่อง จึงไม่สามารถเชื่อมเซลล์ผิวเข้าไว้ด้วยกัน เมื่อเกิดช่องว่างที่เซลล์ผิว ทำให้น้ำในผิวระเหยออกไปมากกว่าที่ควรจะเป็น เป็นที่มาของปัญหา “ผิวแห้งเสีย” โดยภาวะผิวแห้งเสีย สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพผิว (ผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้ง) และระดับความแห้งเสียจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีอายุมากขึ้น
แล้วปัญหาผิวแห้งเสีย เกิดจากอะไร ?
ปัญหาผิวหน้าแห้งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยหลักๆ ได้แก่
1. ผิวแห้งเสียจากปัจจัยภายใน
เป็นปัญหาที่เราควบคุมได้ยาก สามารถแก้ไขปัญหาได้เพียงเล็กน้อย
- พันธุกรรม หลีกเลี่ยงได้ยากที่สุด เพราะเป็นปัญหาที่ถูกส่งต่อมาทางพันธุกรรม เช่น โรคทางผิวหนัง ภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นต้น
- อายุ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปจะพบปัญหาผิวแห้งเสียได้มากที่สุด เพราะฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป ทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นในผิวมากกว่าปกติ
2. ผิวแห้งเสียจากปัจจัยภายนอก
เป็นปัจจัยที่เราสามารถจัดการและแก้ไขได้ง่ายกว่าปัจจัยภายใน
- สภาพอากาศ หากเราอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น หรือร้อนจัดเป็นเวลานานเกินไป จะส่งผลให้ผิวแห้งกร้านได้มากกว่าปกติ เพราะอากาศโดยรอบจะดึงเอาน้ำจากชั้นผิวของเราไปเพื่อปรับสมดุลความชื้นในอากาศ
- ล้างหน้าด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป หลายๆคนอาจมีความเชื่อว่าการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น หรือน้ำร้อนนั้น จะทำให้ให้รูขุมขนเปิดได้กว้างขึ้น ซึ่งจะได้ทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกขึ้น แต่ความเป็นจริงแล้ว การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนนั้นแลกมาด้วย “น้ำมันจำเป็น” บนผิวหน้าที่ถูกชะล้างออกไป ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้ำระเหยออกจากผิวได้มากขึ้น ผิวหน้าจึงแห้งและหยาบกร้านมากกว่าเดิม

- ขัดผิวบ่อยเกินไป ประโยชน์ของการขัดผิวหน้า คือการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวชั้นนอกสุด ช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใสกว่าเดิม แต่การขัดผิวหน้าที่บ่อยเกินไปจะกลายเป็นการรบกวนสมดุลความชื้นบนผิว เป็นต้นเหตุทำให้ผิวหน้าบางลง เกิดอาการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น
- ดื่มน้ำน้อยเกินไป ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำถึง 70% เมื่อเราดื่มน้ำน้อยเกินไป จะทำให้เกิดสภาวะ ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลต่อระบบการทำงานของร่างกายโดยเฉพาะระบบหมุนเวียนเลือด ทำให้ผิวพรรณของเราไม่สดใส หมองคล้ำ แห้งกร้าน ตลอดจนปัญหาริ้วรอยก่อนวัยอันควร
- ไม่ดูแลผิวเลย หลายๆคนมองข้ามความสำคัญของการดูแล บำรุงผิวของตนเองไป จนทำให้เกิดปัญหาผิวต่างๆตามมา เช่น ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด จนเกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือไม่ใช้มอยซ์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิว จนทำให้ผิวหน้าแห้งเสีย ลอกเป็นขุย นั่นเองค่ะ
- ร่างกายขาดวิตามินจำเป็น นอกเหนือไปจากปัจจัยอื่นๆแล้วนั้น เมื่อร่างกายขาดวิตามินจำเป็นจำพวก วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินซี และวิตามินบีรวม ก็อาจจะทำให้ผิวของเราแห้งกร้านก็เป็นได้ค่ะ
จัดการปัญหา “หน้าแห้ง” ให้อยู่หมัด
ปัญหาผิวแห้งที่เกิดมาจากปัจจัยภายใน (เช่น พันธุกรรม, อายุ) นั้นจัดการได้ยากกว่าปัญหาที่เกิดจากปัจจัยภายนอก ซึ่งทำได้ด้วยการดูแลรักษาตามอาการ หากเป็นโรคทางผิวหนังสามารถรับประทานยาหรือยาทาสเตียรอยด์ เพื่อรักษาอาการผิวแห้งหรือคันได้ ส่วนวิธีการรับมือกับปัญหาผิวหน้าแห้งที่เกิดจากปัจจัยภายนอกต่างๆนั้น สามารถทำได้ดังนี้
หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศแห้ง ร้อนจัดหรือเย็นจัดเป็นเวลานาน
หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ปกป้องผิวด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวก่อนเสมอทำความสะอาดผิวหน้าผิวกายด้วยน้ำอุณหภูมิห้องดีที่สุด
เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียน้ำมันจำเป็นในชั้นผิว ทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้ยาวนานขัดผิว 1 ครั้ง/สัปดาห์ก็เพียงพอ
ไม่ควรขัดผิวบ่อยจนเกินไป และควรเลือกผลิตภัณฑ์ขัดผิวที่มีความอ่อนโยน เช่น สครับเนื้อเจล สครับเม็ดบีดส์แบบละเอียด หรืออาจเลือกเป็นสครับเนื้อโคลน ลดโอกาสของการเกิดความระคายเคืองต่อผิวหน้า ที่สำคัญต้องบำรุงผิวด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์ทุกครั้งหลังขัดผิว เพื่อเติมความชุ่มชื้นคืนสู่ชั้นผิวของเราดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
โดยควรดื่มให้ได้วันละ 1.5 – 2 ลิตร (ประมาณ 7-8 แก้ว) เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ร่างกาย และผิวพรรณของเรา

หมั่นบำรุงผิวด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์
ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า และผิวกายที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยกับผิว หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมประเภทแอลกอฮอล์ พาราเบน ซิลิโคน สารแต่งกลิ่น/สี เพื่อลดโอกาสการเกิดอาการระคายเคือง

รับประทานอาหารเพื่อเพิ่มวิตามินจำเป็นให้กับร่างกาย
เลือกทานอาหารประเภทผัก และผลไม้ต่างๆ เช่น มะม่วง กีวี่ กล้วย ผลไม้ที่รสเปรี้ยว และผักใบเขียวทุกประเภท เพื่อเพิ่มวิตามิน E, B, C และวิตามินเอ
เพียงเท่านี้เราก็พอจะเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมคะว่าหน้าแห้ง เกิดจากอะไร โดยจะเห็นได้ว่าสาเหตุของปัญหานี้เกิดจากปัจจัยภายนอกเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเราจึงสามารถป้องกัน และลดปัญหาผิวหน้าแห้งได้ด้วยตนเอง โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงผิวที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น สครับผิวบ้าง 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความมต้องการของร่างกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพียงเท่านี้ปัญหาผิวหน้าแห้ง ก็จะไม่มากวนใจเราอีกต่อไปแล้วละค่ะ