ดื่มน้ำยังไงให้เพียงพอ? พร้อม 4 ทริคง่ายๆให้ดื่มน้ำได้ 2 ลิตรต่อวัน

25825 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ดื่มน้ำยังไงให้เพียงพอ? พร้อม 4 ทริคง่ายๆให้ดื่มน้ำได้ 2 ลิตรต่อวัน

ดื่มง่ายยังไงให้เพียงพอ

 

       ทราบหรือไม่คะว่า ในร่างกายของเราประกอบด้วยของเหลวมากถึง 2 ใน 3 ส่วน (หรือคิดเป็น 55-78%) ซึ่งถือว่าน้ำ (หรือของเหลว) เป็นส่วนประกอบหลักของร่างกายก็ว่าได้ อีกทั้งร่างกายยังต้องการน้ำเพื่อนำไปใช้ในกระบวนการต่างๆอีกมากมาย เช่น กระบวนการหายใจ การย่อยอาหาร การไหลเวียนของเลือด และกระบวนการขับสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีปัญหาผิวแห้งที่ชั้นผิวกักเก็บน้ำได้ไม่ค่อยดีเท่าผิวประเภทอื่นๆ ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับปริมาณน้ำที่ดื่มในแต่ละวัน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรดื่มน้ำมากน้อยแค่ไหน ..หรือดื่มอย่างไรถึงจะได้ผลดีที่สุด วันนี้ Sophist medic จะขอมาแนะนำ 4 ทริคง่ายๆ ที่จะทำให้คุณดื่มน้ำได้ 2 ลิตรต่อวันมาฝากกันค่ะ

เริ่มต้นด้วยการคำนวณปริมาณน้ำที่ร่างกายของเราต้องการ 

โดยสามารถคำนวณปริมาณของน้ำที่เราควรดื่มต่อวันได้ง่ายๆ ด้วยการเอา 

น้ำหนักตัวx33 =__ CC  เช่น น้ำหนักหนัก 48 Kg. 

ปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการจะเท่ากับ 48x33 = 1,584 CC หรือประมาณ 1.5 ลิตรนั่นเองค่ะ 

หรือถ้าเน้นให้จำง่าย ดื่มได้สะดวก คือ เราควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว (ประมาณ 2 ลิตร) เท่านี้ก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเราแล้วละค่ะ


       พอเราทราบปริมาณของน้ำที่เราควรดื่มในแต่ละวันแล้วนั้น หลายคนอาจหวั่นใจว่าเยอะขนาดนี้จะดื่มได้หมดไหม ตอบได้เลยค่ะว่าสบายมาก เพียงแค่เราแบ่งปริมาณน้ำที่ต้องดื่ม ออกตามช่วงเวลาในแต่ละวัน แทนการดื่มน้ำรวดเดียวในปริมาณมาก เพียงเท่านี้การดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

4 ทริคง่ายๆให้ดื่มให้ได้ 2 ลิตรต่อวัน

  1. ดื่มน้ำหลังตื่นนอน 1 แก้ว

    การดื่มน้ำทันที 1 แก้วหลังจากตื่นนอน จะช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เพราะช่วงเวลาหลังตื่นนอนในตอนเช้าเลือดของเราจะข้นกว่าช่วงเวลาอื่นๆ เนื่องจากร่างกายขาดน้ำมาตลอดทั้งคืนนั่นเอง 
  2. ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร 1 แก้ว และหลังมื้ออาหารอีก 1 แก้ว

    คือ มื้อเช้า มื้อเที่ยง และมื้อเย็น (รวมทั้งหมด 6 แก้ว) โดยให้ดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหาร 45 นาที - 1 ชั่วโมง เพราะถ้าเราดื่มน้ำและทานอาหารต่อทันที จะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนการดื่มน้ำหลังรับประทานอาหารนั้นก็ไม่ควรดื่มโดยทันทีในปริมาณมากๆเช่นเดียวกัน ให้เว้นระยะหลังรับประทานอาหารเสร็จไปประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง 
  3. ดื่มน้ำก่อนเข้านอน 1 แก้ว

    โดยให้ดื่มน้ำก่อนเข้านอน สัก 1 ชั่วโมง เพื่อชำระล้างสิ่งต่างๆที่อยู่ในลำไส้ แต่ไม่ควรดื่มน้ำปริมาณมากจนเกินไปก่อนเข้านอน เพราะอาจทำให้เราปวดปัสสาวะกลางดึกบ่อยขึ้น เกิดปัญหานอนหลับไม่สนิทได้
  4. จิบน้ำ

    นอกเหนือจากการดื่มน้ำตามเวลา 3 ข้อแรกแล้วนั้น เราขอแนะนำให้หมั่นจิบน้ำบ่อยๆ ตลอดทั้งวัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกายอยู่เสมอ แถมยังส่งผลให้ผิวของเราชุ่มชื้นไม่ขาดน้ำอีกด้วย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานในห้องแอร์ หรือทำงานกลางแจ้งตลอดทั้งวัน การหมั่นจิบน้ำนับเป็นเริ่องสำคัญมากเลยละค่ะ

ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการดื่มน้ำ

  • น้ำที่ดื่มควรเป็นน้ำที่สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน และแนะนำให้เลือกดื่มน้ำที่อุณหภูมิห้อง
  • น้ำที่ดื่มควรเป็นน้ำเปล่า ไม่ใช่น้ำที่มีส่วนผสมอื่นๆ เช่น น้ำหวาน น้ำผลไม้ แอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน ทั้งนี้เครื่องดื่มเหล่านี้ก็ยังสามารถดื่มได้ตามปกติ เพียงแต่เราต้องดื่มน้ำเปล่าควบคู่กันไปด้วย
  • ไม่ควรดื่มน้ำรวดเดียวในปริมาณมาก เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการจุกได้  และอาจจะทำให้เกิด “ภาวะน้ำเป็นพิษ” ส่งผลให้ระดับโซเดียมในเลือดต่ำ สมดุลของน้ำในร่างกายผิดปกติ และอาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
  • อาจใช้ขวดหรือกระป๋องน้ำ มาขีดเส้นแบ่งเวลาในการดื่มน้ำ ก็จะช่วยไม่ให้เราลืมดื่มน้ำได้ หรือเพื่อความสะดวกยิ่งกว่า สามารถดาวน์โหลด Application ที่ช่วยแจ้งเตือนการดื่มน้ำมาใช้ได้เช่นเดียวกันค่ะ (ทั้ง IOS และ Androind) 

 

       เพียงเท่านี้การดื่มน้ำให้ได้ 1.5-2 ลิตร/วัน ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป โดยในช่วงแรกๆเราอาจจะรู้สึกว่าปริมาณน้ำที่ดื่มแต่ละวันนั้นเยอะมาก แต่หากทำไปสักพัก (2-3 วัน) ร่างกายของเราก็จะเริ่มปรับตัวและสามารถดื่มน้ำในปริมาณที่มากขึ้นได้แบบสบายๆ ร่างกายของเราก็จะได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ส่งผลให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง สดใส ไม่แห้งกร้านอีกต่อไปแล้วละค่ะ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้