2194 จำนวนผู้เข้าชม |
ริ้วรอยเกิดจากอะไร? ทำความรู้จัก “ริ้วรอยทั้ง 3 ประเภท” พร้อมวิธีรับมือ
ริ้วรอย และผิวหย่อนคล้อย นับเป็นปัญหากวนใจอันดับต้นๆที่เราทุกคนต้องพบเจอเมื่ออายุเพิ่มขึ้น มองไปที่กระจกทีไรก็ต้องปวดใจทุกครั้ง ทั้งรอยย่นที่หน้าผาก ร่องแก้ม ใต้ตา หรือรอยตีนกา กว่าจะรักษาให้ดูดีขึ้นได้ก็ใช้เวลานานแสนนาน เพราะการดูแลรักษาที่ไม่ตรงจุด จะดีกว่าไหม?..ถ้าเราเข้าใจว่าริ้วรอยแต่ละประเภทนั้นแตกต่างกันอย่างไร และต้องจัดการแบบไหนจึงจะเห็นผลดีและไวกว่า เพื่อผิวเรียบสวย เนียนใสของเราเอง
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักโครงสร้างของผิวแบบคร่าวๆกันก่อน
ผิวของคนเรามีส่วนประกอบหลักๆ 3 ชั้น โดยในแต่ละชั้นมีส่วนประกอบและหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไปดังนี้ค่ะ
1. ผิวชั้นนอก (Epidermis) หรือที่เราเรียกว่า หนังกำพร้า
ส่วนนี้เป็นชั้วผิวที่อยู่นอกสุด หน้าที่หลักๆคือป้องกันอวัยวะต่างๆที่อยู่ภายใต้ชั้นผิวของเราจากสิ่งรบกวนภายนอก เช่น เชื้อโรค แบคทีเรีย ฯลฯ เรื่องของสีผิวก็อยู่ที่ชั้นนี้เช่นเดียวกันนะคะ เพราะเม็ดสีเมลานินจะถูกสร้างที่ชั้นเอพิเดอมิส รวมไปจนถึงกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ที่ผิวหนังของเราจะผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกมาทุกๆ 28 วันหรือประมาณ 1 เดือน
2. ผิวชั้นกลาง (Dermis) หรือเรียกง่ายๆว่า ชั้นหนังแท้
เป็นชั้นที่มีส่วนประกอบและหน้าที่หลักเกี่ยวกับสภาพผิวของเราโดยตรง ส่วนประกอบหลักๆ ได้แก่ คอลลาเจน อีลาสติน กรดไฮยาลูรอนิก และไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งส่วนประกอบหลักๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผิวของเรามีความยืดหยุ่น คงความชุ่มชื้นเอาไว้ในผิวได้ เมื่อทั้ง 4 ตัวนี้เสื่อมสภาพลงเมื่อไหร่ ก็จะทำให้ผิวของเราเกิดริ้วรอย และความหย่อนคล้อยนั่นเองค่ะ โดยหน้าที่หลักๆของชั้นหนังแท้ คือ การผลิตเหงื่อและน้ำมัน จุดกำเนิดของเส้นผมหรือขนอ่อนบนใบหน้า กระตุ้นความรู้สึกเมื่อเราชนหรือกระแทกกับสิ่งต่างๆ ทำให้เราเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง
3. ผิวชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) หรือชั้นไขมัน
นับเป็นชั้นผิวล่างสุดที่ทำหน้าที่หลักในการเป็นตัวเชื่อมระหว่างผิวหนังชั้นกลาง (Dermis) เข้ากับมัดกล้ามเนื้อและกระดูก รวมไปถึงเรื่องการไหลเวียนเลือดและการทำงานของเซลล์ประสาท ควบคุมอุณหภูมิร่างกายและเป็นแหล่งเก็บสะสมไขมัน
ปัญหาของริ้วรอย ความหย่อนคล้อยต่างๆนั้นเกิดมาจากการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน อีลาสติน กรดไฮยาลูรอนิก และไฟโบรบลาสต์ ในผิวชั้นกลาง ทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความยืดหยุ่น เมื่อเกิดริ้วรอยใหม่ขึ้นบนผิวหน้า ก็มีการคืนตัวของผิวได้น้อยกว่า จากริ้วรอยแบบตื้น (Fine line) ก็จะพัฒนากลายเป็นริ้วรอยถาวรในที่สุด
2. ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า (Expression Wrinkle) เมื่อเราแสดงสีหน้าต่างๆ เช่น หัวเราะ ร้องไห้ เครียด ฯลฯ ผิวหนังของเราจะเกิดรอยพับขึ้นได้ เช่น รอยตีนกา รอยย่นที่หน้าผาก รอยร่องแก้ม หากเป็นช่วงที่มีปริมาณคอลลาเจนในผิวเพียงพอ ผิวก็จะมีความยืดหยุ่นและสามารถคืนตัวกลับมาเป็นปกติได้ แต่หากผิวของเราเสื่อมสภาพลง ก็จะคืนตัวได้ยากหรือไม่คืนตัวเลย ทำให้ริ้วรอยนั้นพัฒนาเป็นริ้วรอยถาวรในชั้นหนังแท้ (Dermis) ได้
การรักษา: การเพิ่มคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของอนุพันธุ์วิตามินซี เรตินอล หรืออาจรักษาด้วยการลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว การทำไอออนโตเฟอรีซิส (ผลักวิตามินเข้าผิว)
3. ริ้วรอยในชั้นหนังแท้ เป็นปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน อีลาสติน กรดไฮยาลูรอนิก และไฟโบรบลาสต์ เพราะถูกทำร้ายด้วยสารอนุมูลอิสระ เมื่อโครงสร้างเส้นใยของผิวถูกทำลาย ผิวจึงเกิดรอยยับและไม่คืนรูป ทำให้มีริ้วรอยและความหย่อนคล้อยปรากฎอยู่บนผิวหน้าของเราตลอดเวลา
การรักษา:
สรุปส่งท้ายความงาม
เพียงเรามีความเข้าใจเกี่ยวกับริ้วรอยอย่างถูกต้อง ว่าริ้วรอยต่างๆนั้นไม่เหมือนกัน แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ ริ้วรอยเล็ก ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า และริ้วรอยถาวรในชั้นหนังแท้ โดยริ้วรอยแต่ละประเภทก็ต้องการการดูแลรักษาที่แตกต่างกันออกไป เราก็จะสามารถรับมือกับปัญหาริ้วรอยแต่ละรูปแบบที่ปรากฎบนผิวหน้าของเราได้ดีกว่าเดิม ผิวเรียบสวย เนียนใส ไร้ริ้วรอยร่องลึกมากวนใจก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้วละค่ะ