14489 จำนวนผู้เข้าชม |
สาวๆหลายคนคงอาจเคยได้ยินมาว่าก่อนการเปลี่ยนไปใช้ครีม หรือสกินแคร์ตัวใหม่เราจำเป็นต้อง “พักหน้า” เพื่อดีท็อกซ์ผิวก่อนใช้ ป้องกันการเกิดอาการแพ้ หรือครีมที่ใช้ตีกัน บ้างก็บอกว่าใช่ การพักหน้าเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ในขณะเดียวกันหลายๆคนก็บอกว่าสามารถใช้ครีมต่อกันได้เลย ไม่จำเป็นต้อง “พักหน้า” แต่อย่างใด แล้วแบบนี้เราควรทำอย่างไร วันนี้ Sophist รวบรวมข้อมูลมาฝากกันแล้วค่ะ
จริงๆแล้วนั้นการ “พักหน้า” เป็นสิ่งที่ควรทำหากคุณเป็นคนที่มีผิวบอบบาง /ผิวแพ้ง่าย หรือกำลังประสบปัญหาสิวอุดตัน สิวเห่อที่เกิดจากการแพ้สารในครีมที่ใช้อยู่เดิม การหยุดใช้ครีม หรือเครื่องสำอางที่ทำให้เกิดอาการแพ้ไปก่อน เพื่อให้หน้าได้พักผ่อน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสาวๆที่มีผิวแพ้ง่ายนั่นเองค่ะ
พอได้ยินคำว่า “พักหน้า” สาวๆหลายคนอาจเข้าใจว่า ให้เราพักหน้าไปเฉยๆ โดยไม่ต้องใช้อะไรเลย แต่ความจริงแล้วการพักหน้า ก็ยังมีขั้นตอนของการดูแลผิวอยู่เหมือนเดิม แต่เน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น และลดขั้นตอนที่ไม่สำคัญลงไป เพื่อให้ผิวของเราได้พักผ่อนจริงๆ โดยอาจใช้เวลาพักหน้าแตกต่างกันไปตามปัญหาเดิมที่เจออยู่ ตั้งแต่ 1 อาทิตย์ไปจนถึง 1 เดือน
หากสาวๆเริ่มพบว่าผิวหน้าของตัวเองเริ่มมีอาการแพ้สาร หรือมีอาการข้างเคียงใดๆหลังจากการใช้ครีม ให้สาวๆหยุดใช้ครีมตัวนั้นทันที เพื่อไม่ให้ผิวของเราพังมากกว่าเดิม
ในช่วงที่ผิวบอบบางนี้ให้สาวๆหยุดแต่งหน้าไปเลย หรือหากจำเป็นต้องแต่งหน้าอยู่ ให้พยายามแต่งหน้าให้เบามากที่สุด
หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกลุ่มไวท์เทนนิง (Whitening) กลุ่มผลัดเซลล์ผิว (AHA/BHA) ตลอดไปจนถึงการสครับหรือการขัดหน้า เพราะผิวของเราบอบบางอยู่แล้ว การผลัดผิวจะยิ่งรบกวนสมดุลของผิว อาจทำให้อาการแดง เห่อ รุนแรงมากยิ่งขึ้นได้
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสูตรอ่อนโยน (Gentle) และใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรอ่อนโยน เพื่อเติมความชุ่มชื้นคืนสู่ชั้นผิว ให้ผิวค่อยๆปรับสภาพกลับมาแข็งแรงเหมือนเก่า
ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน พอผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือเจอสิวบุก สาวๆหลายคนอาจตัดขั้นตอนของการทาครีมกันแดดไป เพราะมองว่าจะยิ่งทำให้ผิวเหนอะหนะ และอุดตันมากยิ่งขึ้น แต่ช่วงที่ผิวของเราแพ้สารมา การใช้ครีมกันแดดเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆค่ะ เพราะผิวของเราในช่วงนี้จะบอบบางและไวต่อแสงสุดๆ โดยเราแนะนำให้สาวๆเลือกใช้ครีมกันแดดสูตรอ่อนโยน มีเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ซึมลงผิวได้ไว ไม่ข้นจนเกินไป เพื่อให้รู้สึกสบายผิวมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้พยายามหลีกเลี่ยงจากการเผชิญแสงแดด มลภาวะ และฝุ่นควันในช่วงนี้ไปด้วยจะดีที่สุดเลยล่ะค่ะ
แล้วแบบนี้สาวๆที่มีสภาพผิวที่ค่อนข้างแข็งแรง ไม่มีอาการแพ้ สิวเห่อ รอยแดงต่างๆจำเป็นต้องพักหน้าไหม คำตอบคือ ไม่จำเป็นต้องพักหน้าก่อนจะใช้ครีมหรือเครื่องสำอางตัวใหม่ สามารถใช้ครีมตัวใหม่ต่อไปได้เลยค่ะ แต่การจะเปลี่ยนครีมหรือเครื่องสำอางใหม่ก็มีปัจจัยหลักที่สาวๆต้องให้ความสำคัญอยู่เช่นเดียวกันค่ะ
อย่างที่มีประโยคพูดเอาไว้ว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง..ชนะร้อยครั้ง” อาจจะเป็นคำเปรียบเทียบที่ดูเข้มข้น แต่การที่เรารู้จักสภาพและปัญหาผิวที่แท้จริงของเรา และศึกษาข้อมูลของครีมหรือเครื่องสำอางที่เราต้องการใช้โดยละเอียด ว่ามีส่วนผสมหลักจากอะไร ช่วยเรื่องไหน ตอบโจทย์กับความต้องการและปัญหาผิวของเราหรือไม่ รวมไปถึงมีส่วนผสมใดที่เราต้องระมัดระวังเป็นพิเศษไหม เช่น มีส่วนผสมของสารที่เรามีประวัติการแพ้อยู่หรือไม่ เพราะผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หรือครีมเหล่านั้นมีส่วนผสมของสารอันตราย ที่ไม่ผ่านมาตรฐานการรับรองหรือเปล่า เช่น สารปรอท ไฮโดรควิโนน กรดเรทิโนอิก เป็นต้น
ก่อนการใช้ครีม/เครื่องสำอางลงบนผิวหน้าของเราจริงๆ เพื่อความปลอดภัยต่อผิวที่บอบบางของเรา สาวๆควร “ทดสอบการใช้ด้วยตนเอง” (Use Test) ซึ่งสามารถทำได้ง่ายมาก โดยให้สาวๆป้ายครีม/เครื่องสำอาง ในขนาดประมาณเหรียญสิบบาท ที่บริเวณท้องแขนด้านใน หลังกกหู หรือข้อพับ ทั้งเช้า-เย็น เป็นเวลา 3-7 วัน เพื่อตรวจดูว่าเกิดอาการแพ้ หรืออาการไม่พึงประสงค์ต่างๆหรือไม่ เช่น ผดผื่นคัน ผื่นแดง ตุ่มนูน หรือผิวแห้งสาก หากลองใช้แล้วไม่พบอาการข้างเคียงใดๆ ก็สามารถใช้บนหน้าได้อย่างปลอดภัยและสบายใจมากยิ่งขึ้นแล้วล่ะค่ะ
สรุปได้ว่า สาวๆที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือมีอาการแพ้สารจากครีมตัวเก่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สามารถพักหน้าก่อนการใช้ครีมตัวใหม่ได้เพื่อให้ผิวแข็งแรงขึ้นก่อนการใช้ครีมตัวใหม่ โดยระยะเวลาที่พักหน้าขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิวที่เจอ อาจใช้เวลาการพักหน้าตั้งแต่ 1 สัปดาห์ไปจนถึงเป็นเดือน จึงค่อยใช้ครีม/เครื่องสำอางตัวใหม่ แต่สำหรับสาวๆที่มีผิวแข็งแรงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพักหน้าก่อนใช้ครีมตัวใหม่ แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกใช้ครีม/เครื่องสำอางที่ปลอดภัย เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง ปราศจากส่วนผสมที่สร้างอันตรายให้กับผิว และควรทดสอบก่อนการใช้ครีมบนผิวหน้าจริงๆ เพื่อป้องกันอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับผิวหน้าของเราค่ะ