ครีมกันแดดมีกี่ชนิด ควรเลือกใช้แบบไหนถึงจะดี

4030 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ครีมกันแดดมีกี่ชนิด ควรเลือกใช้แบบไหนถึงจะดี

 

ครีมกันแดด เลือกใช้แบบไหนดี ครีมกันแดดฟิสิคัล ฟิสิคอล

 

ครีมกันแดด (Sunscreen) กลายเป็นสกินแคร์ชิ้นสำคัญ ที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย หรือจะอายุช่วงไหนก็ต้องใช้เป็นประทุกวัน เพราะอากาศในประเทศไทยที่ร้อนแรงขึ้นทุกวันจนแสบผิว หากขาดการปกป้องที่ดีก็อาจทำให้ผิวถูกทำลายจนแสบไหม้ โครงสร้างชั้นผิวเสียหายลึกถึงระดับ DNA ส่งผลให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำและริ้วรอยร่องลึกก่อนวัยอันควรที่จัดการได้ยาก แต่ในปัจจุบันมีครีมกันแดดให้เราเลือกซื้อหลากหลายชนิด จนอาจทำให้เกิดความสับสนได้ว่า ครีมกันแดดมีกี่ประเภทกันแน่ แล้วเราควรเลือกใช้กันแดดชนิดไหน จึงจะช่วยปกป้องผิวของเราได้มากที่สุด มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันในบทความนี้ได้เลยค่ะ

 

ครีมกันแดดมีกี่ชนิด ใช้แบบไหนดี ครีมกันแดดฟิสิคอล

 

ผลิตภัณฑ์กันแดด หรือ ครีมกันแดด คืออะไร?

ผลิตภัณฑ์กันแดด หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ครีมกันแดด (Sunscreen) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาลงบนผิว เพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายจากรังสีที่มาพร้อมกับแสงแดด ได้แก่ รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet : UV Ray) (UVA, UVB)  และรังสีอินฟราเรด (IR) ซึ่งผลิตภัณฑ์กันแดดจะทำหน้าที่คล้ายเกราะป้องกันผิว ไม่ให้ผิวรังสีในแสงแดดตรงเข้าทำร้ายโดยตรง โดยหลักการทำงานของผลิตภัณฑ์กันแดดโดยทั่วไปแบ่งออกได้ 2 ประเภท.

  1. ผลิตภัณฑ์กันแดดที่ใช้ส่วนผสมประเภทสารเคมีเพื่อดูดซับรังสี UV ที่ตกกระทบลงบนผิว และทำปฏิกิริยา เปลี่ยนรังสีเหล่านั้นให้กลายเป็นพลังงานร้อนที่สลายตัวได้ เพื่อปกป้องชั้นผิว ซึ่งกันแดดชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า ครีมกันแดดเคมิคอล (Chemical Sunscreen)  
  2. ผลิตภัณฑ์กันแดดที่ใช้ส่วนผสมชนิดกายภาพในการสะท้อนเอารังสี UV ออกจากผิวหน้า ช่วยปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้าย กันแดดชนิดนี้มีชื่อว่า ครีมกันแดดแบบกายภาพ (Physical Sunscreen)

    หากเราไม่ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด หรือใช้ในปริมาณที่ไม่เพียงพอเป็นประจำ ผิวของเราก็มีความเสี่ยงที่จะถูกทำร้ายโดยรังสี UVA และ UVB ในแสงแดดอยู่เสมอ ส่งผลให้ผิวแสบไหม้ ผิวหน้าหมองคล้ำ  เกิดริ้วรอยร่องลึกที่เห็นได้ชัดก่อนวัยอันควร มีปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำที่ฝังลึก หรือในกรณีที่รุนแรงที่สุด คือเมื่อเซลล์ผิวหนังถูกทำลายในจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ก็อาจเพิ่มโอกาสที่จะเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้

 

ครีมกันแดดเลือกใช้แบบไหนดี รังสีในแสงแดด

ทำความรู้จักรังสีในแสงแดด รังสีร้ายที่คอยทำร้ายผิว

ความจริงแล้วนั้นแสงแดดมีประโยชน์ต่อร่างกายเช่นเดียวกัน เพราะในแสงแดดยามเช้าจะช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์วิตามินดี 3 ที่ชั้นผิวของเรา ซึ่งวิตามินดีเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึม (Absorb) แคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ในแสงแดดก็มีรังสีที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่ทำให้ผิวของเราหมองคล้ำ และเซลล์ผิวเสียหายในระดับ DNA ได้ ซึ่งรังสีอันตรายที่พบในแสงแดด ได้แก่ 

  • รังสี UVA คือ รังสีอัลตราไวโอเลตชนิดเอ ที่มีความยาวคลื่นประมาณ 300-400 นาโนเมตร สามารถพบได้ตั้งแต่ช่วงสายๆ (หลัง 10 โมง) คลื่นรังสี UV ทำลายชั้นผิวของเราได้อย่างรุนแรงและลึกกว่ารังสีตัวอื่นๆ เพราะมีความยาวคลื่นมากที่สุด ทำให้รังสี UVA ทะลุถึงชั้นหนังแท้ ส่งผลให้เซลล์ผิวเกิดความเสียหาย เกิดริ้วรอยร่องลึก มีรอยเหี่ยวย่นที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน และทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ เกิดปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำชนิดถาวร ซึ่งรังสี UVA ที่พบในธรรมชาติ แบ่งเป็น 2 ประเภทย่อยๆ ได้แก่

    • UVA-I พบได้ 75% ในแสงแดด

    • UVA-II พบได้ 20% ในแสงแดด 

  • รังสี UVB คือ รังสีอัลตราไวโอเลตชนิดบี มีความยาวคลื่นประมาณ 290-320 นาโนเมตร เพราะความยาวคลื่นที่น้อยกว่าทำให้รังสี UVB สามารถลงลึกได้แค่เพียงชั้นผิวกำพร้า แต่ทั้งนี้ก็ทำให้ผิวไหม้แดด และหมองคล้ำได้ไม่ต่างกัน นอกจากนี้การปล่อยให้ผิวสัมผัสกับรังสี UVB เป็นเวลานาน ก็อาจสร้างความเสียหายให้ชั้นผิวถึงระดับ DNA ได้ และเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคผิวหนังที่รุนแรงและโรคมะเร็งผิวหนังได้

  • รังสีอินฟราเรด (IR) หรือ รังสีความร้อน เป็นคลื่นรังสีไฟฟ้าที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ในปริมาณมากถึง 54% (ในขณะที่รังสี UV คิดเป็นเพียง 7%) รังสีอินฟราเรดเป็นสิ่งที่ตาของมนุษย์มองไม่เห็น แต่จะสามารถสัมผัสได้ด้วยความร้อน เช่น ความร้อนจากแสงแดด ความร้อนที่ปล่อยออกมาจากรถ ความร้อนจากเครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ในอดีตที่ผ่านมาการดูแลผิวส่วนใหญ่มักเน้นไปที่การป้องกันผิวจากรังสี UVA และ UVB เพราะเป็นคลื่นรังสีที่ทะลุผ่านชั้นผิวหนังได้ แต่ในปัจจุบันพบว่ารังสีอินฟราเรดก็ทำร้ายชั้นผิวของเราได้เช่นเดียวกัน โดยเมื่อเราปล่อยให้ผิวสัมผัสรังสีอินฟราเรดเป็นเวลานาน ก็เสี่ยงทำให้แสบร้อน หมองคล้ำ เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ และทำให้ผิวเหี่ยวย่นในที่สุด

    ดังนั้นแล้ว จึงควรพิจารณาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กันแดด ที่ปกป้องผิวของเราได้จากรังสีทุกชนิด ทั้ง UVA-II UVA-II และ IR (อินฟราเรด) ร่วมกับปัจจัยอื่นๆ ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กันแดดด้วยค่ะ

 

ประเภท ชนิดของครีมกันแดด เลือกใช้แบบไหนดี

ประเภทของครีมกันแดด

ปัจจุบันมีการพัฒนาครีมกันแดดหลากหลายชนิด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและสภาพผิวของผู้ใช้ที่แตกต่างกันออกไป เช่น ผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบาง แพ้ง่าย ผู้ที่มีผิวแห้ง ฯลฯ โดยสามารถแบ่งครีมกันแดดออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

  1. ครีมกันแดดประเภทเคมิคอล
    เป็นครีมกันแดดที่จะซึมเข้าสู่วผิวหนัง กันแดดชนิดนี้จะมีส่วนผสมของสารเคมี โดยหลักการทำงานคือ การดูดซับคลื่นรังสี UV ที่ตกกระทบบนชั้นผิว และเปลี่ยนคลื่นรังสี UV เหล่านี้ให้กลายเป็นพลังงานความร้อน และขับออกจากผิวในที่สุด สารกันแดดชนิดนี้มีส่วนผสมของสารเคมีหลายชนิด เพื่อช่วยเสริมให้กันรังสี UV ได้ครบทั้ง UVA  และ UVB 

    ส่วนผสมที่มักพบในครีมกันแดดชนิดเคมิคอล (Chemical) ได้แก่ Avobenzone, Octinoxate, Oxybenzonem Phenylbenzimidazole, Tinosirb, Octocrylene, Homosolate เป็นต้น

    ข้อดี
    - เนื้อครีมบางเบากว่า เกลี่ยง่าย ไม่ทำให้หน้าขาววอก เหมาะกับการใช้ทุกวัน  
    - ใช้ในปริมาณที่น้อยกว่า ก็เพียงพอกับการป้องกันผิวจากรังสี (เมื่อเทียบกับกันแดดชนิดอื่น)

    ข้อเสีย
    - หลังทาครีมกันแดด ต้องใช้เวลาเซตตัวประมาณ 15-20 นาที จึงสามารถออกแดดได้
    - เพราะใช้หลักการคายความร้อนออกจากผิว อาจทำให้ผิวรู้สึกร้อน อาจทำให้จุดด่างดำบนผิวหน้าดูเข้มขึ้นได้ หรืออาจทำให้ผิวหน้าแสบ แดง
    - เสี่ยงต่ออาการแพ้และระคายเคืองได้มากกว่า เพราะมีส่วนผสมของสารเคมี
    - ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน เพราะอาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวได้

    กันแดดเคมิคอล เหมาะกับผิวแบบไหน
    เหมาะกับผิวธรรมดา ผิวแข็งแรง เกิดอาการแพ้ได้ยาก

  2. ครีมกันแดดชนิดฟิสิคอล (Physical Sunscreen)

         หรือเรียกอีกชื่อว่า Mineral Sunscreen เนื่องจากเป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุเป็นหลัก โดยสารเหล่านี้จะทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกันผิว ด้วยการสะท้อนคลื่นรังสี UV ออกจากผิว

    ส่วนผสมที่พบได้ในครีมกันแดดชนิดฟิสิคอล ได้แก่        
    - Zinc Oxide ที่สามารถป้องกันรังสีได้ครบทั้ง UVA (UVA-II, UVA-II)และ UVB
    - Titanium Dioxide สามารถป้องกันผิวจาก UVB และ UVA-I ได้

    ข้อดี
    - Zinc Oxide และ Titanium Dioxide เป็นสารกันแดดที่ปลอดภัยต่อผิว ทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้น้อย
    - ป้องกันผิวจากคลื่นรังสีได้ทั้ง UVA และ UVB
    - หลังทาเสร็จ สามารถออกแดดได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้กันแดดเซตตัว
    - อยู่บนผิวได้นานกว่า (เมื่อเทียบกับกันแดดชนิดอื่น)

    ข้อเสีย
    - เนื้อหนัก เกลี่ยยาก อาจทำให้เกิดปัญหาหน้าขาว หรือหน้าวอกได้
    - หลุดออกง่ายเมื่อโดนเหงื่อหรือน้ำ ทำให้ต้องทาซ้ำบ่อยเมื่อโดนน้ำ
    - มีคราบขาวเมื่อถูกน้ำ หรือเหงื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ใช้ที่มีโทนผิวสีเข้ม

    เหมาะกับผิวแบบไหน
    - เหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย
    - ผู้ที่ผิวอ่อนแอ และมีปัญหาสิวซ้ำซาก
    - ครีมกันแดดชนิดฟิสิคอลบางแบรนด์ สามารถใช้กับผิวของเด็กได้

  3. ครีมกันแดดแบบผสม หรือครีมกันแดดแบบไฮบริด (Hybrid Sunscreen)
    เป็นครีมกันแดดที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดข้อด้อยของกันแดดแบบเคมิคอลและฟิสิคอล และนำเอาจุดเด่นของกันแดดทั้ง 2 ชนิดมารวมกัน ดังนี้
    - ป้องกันผิวจากรังสีได้ครบ ทั้ง UVA (UVA-I, UVA-II) และ UVB
    - ผสานคุณสมบัติทั้งการดูดซับรังสี และการสะท้อนรังสีออกจากผิว
    - เนื้อเกลี่ยง่ายมากขึ้น ไม่เหนียว
    - ไม่ทำให้หน้าขาววอก ไม่เกิดคราบระหว่างวัน
    ด้วยคุณสมบัติต่างๆ ที่กล่าวมา ทำให้ปัจจุบันผู้คนนิยมหันมาใช้กันแดดแบบฟิสิคอล และแบบผสมกันมากขึ้น เพราะคุณสมบัติที่ครอบคลุม อยู่ได้นานกว่า เกิดอาการแพ้และอุดตันได้น้อยกว่านั่นเองค่ะ

ซึ่งในปัจจุบันผลิตภัณฑ์กันแดดมีให้เลือกใช้มากมายตามสภาพผิว โดยจะมีลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันออกไป

  • กันแดดเนื้อครีม เหมาะกับผิวธรรมดา ผิวแห้ง
  • กันแดดเนื้อเจล เหมาะกับผิวธรรมดา-ผิวมัน
  • กันแดดเนื้อมูส เหมาะกับผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวมัน
  • กันแดดเนื้อน้ำนมหรือกันแดดสูตรน้ำ เหมาะกับผิวธรรมดา ผิวแห้ง

 และนอกจากนี้ยังมีกันแดดในรูปต่างๆ เช่น สเปรย์กันแดด กันแดดแบบแท่ง (Sunscreen Stick) ครีมกันแดดผสมรองพื้น ครีมกันแดด Tone up รวมถึงกันแดดชนิดกิน ฯลฯ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น ทั้งนี้เราควรพิจารณาเลือกชนิดกันแดด ค่า SPF/PA ที่เหมาะสภาพผิว และเหมาะกับกิจกรรมในแต่ละวัน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์กันแดดปกป้องผิวของเราจากรังสี และมลภาวะต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

ครีมกันแดดมีกี่แบบ เลือกใช้แบบไหนดี
เลือกใช้กันแดดอย่างไรให้เหมาะกับผิว

  • หากเป็นคนที่มีแนวโน้มว่าผิวบอบบางและแพ้ง่าย แนะนำว่าเลือกใช้เป็นกันแดดแบบฟิสิคอล หรือแบบผสมจะเหมาะกว่าค่ะ โดยเลือกเนื้อของกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวด้วย เช่น เป็นคนผิวแห้ง และผิวแพ้ง่าย แบบนี้เลือกใช้กันแดดแบบฟิสิคอล หรือแบบไฮบริด แบบเนื้อครีม หรือเนื้อน้ำนมจะเหมาะว่า
  • หากเป็นคนที่มีผิวธรรมดา ผิวแข็งแรง เกิดอาการแพ้ได้ยาก สามารถเลือกใช้กันแดดได้ทุกชนิด รวมถึงกันแดดแบบเคมีคอลด้วยค่ะ
  • สำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้สารเคมีในกันแดดแบบเคมีคอล อาจมีความเสี่ยงที่จะแพ้ครีมกันแดดแบบผสมได้เหมือนกันค่ะ เพราะในแบบผสมอาจมีส่วนผสมของสารเคมีกันแดดบางตัวที่เราแพ้

 

Sophist All-Physical Moisture Daily UV Defense SPF 50+ PA++++



Sophist All-Physical Moisture Daily UV Defense SPF 50+ PA++++ (คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดสินค้า) ครีมกันแดดสูตรพิเศษ จาก Sophist ที่จะช่วยปกป้องผิวของคุณ จากรังสียูวีได้อย่างล้ำลึก พร้อมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวตลอดวัน ผสานพลังต้านผิวแก่

  • SPF50+ PA++++ ปกป้องผิวจากรังสี UVA-II, UVA-II, UVB, Blue Light, IR, Pollution
  • เติมความชุ่มชื่นให้กับผิว ด้วย Hyaluronate 8 molecule ว่านหางจระเข้ และ Glycerine
  • 3 พลัง Antioxidants: Lingonstem, Royal Jelly และ Vitamin E Tocotrienols

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้