1012 จำนวนผู้เข้าชม |
ผลิตภัณฑ์กันแดด หรือ ครีมกันแดด เป็นสิ่งที่เราไม่ควรใช้เป็นประจำทุกวัน แม้ในวันที่ฝนตก แดดออก หรือเมฆหนาครึ้มก็ตาม เพราะผิวของเรามีโอกาสที่จะถูกทำร้ายโดยคลื่นรังสีที่พบในแสงแดดได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นทั้งรังสี UVA, UVB หรือรังสีอินฟราเรด มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญว่าเราควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 เป็นต้นไป และควรเลือกค่า PA ที่สูงเช่นเดียวกัน แต่เคยสงสัยกันไหมว่า ค่า SPF และค่า PA ที่ระบุอยู่ในครีมกันแดดคืออะไร ช่วยปกป้องผิวเราจากอะไร จำเป็นต้องเลือกที่ค่าไหน วันนี้ Sophist Medic มีข้อมูลควรรรู้เกี่ยวค่า SPF และ PA ในครีมกันแดดมาบอกกันค่ะ
มาเริ่มที่ตัวแรกกันก่อนกับค่า SPF ซึ่งย่อมาจากคำว่า Sun Protection Factor เป็นค่าที่บอกความสามารถในการปกป้องผิวของเราจากรังสี UVB ที่ทำให้ผิวของเราแดง หรือแสบไหม้ ยิ่งค่า SPF สูงมากเท่าไหร่ ก็เท่ากับว่าครีมกันแดดตัวนั้นๆ จะยิ่งป้องกันผิวของเราจากอาการแดง และแสบไหม้ได้มากขึ้นเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ปกติผิวของเราจะเริ่มไหม้เมื่อยืนอยู่กลางแดดประมาณ 20 นาที แต่เมื่อเราทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 จะสามารถปกป้องผิวของเราไม่ให้แสบไหม้ได้นานถึง = 20x30 = 600 นาที (หรือประมาณ 10 ชั่วโมง) แต่จริงๆ แล้วคงไม่มีใครที่จะอยู่กลางแดดเป็นเวลานานติดต่อกันได้มากขนาดนั้น แต่การเลือก SPF มักจะเปลี่ยนไปตามกิจกรรมต่างๆ ที่เราทำในแต่ละวันค่ะ
คำตอบ คือใช่ ยิ่งค่า SPF สูงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยปกป้องผิวของเราจากรังสี UVB มากขึ้นเท่านั้น การเลือกใช้กันแดดค่า SPF สูง อาจเหมาะสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้
แต่สำหรับกลุ่มที่อยู่ในอาคาร ตึก หรือที่ร่มเป็นส่วนใหญ่ สามารถเลือกใช้ SPF30 ก็เพียงพอแล้ว แต่ต้องทาในปริมาณที่เพียงพอ (1 ช้อนชา หรือ 2 ข้อนิ้ว) ไม่ทาน้อยจนเกินไป
ค่า PA ย่อมาจาก Protection Grade of UVA ใช้บ่งบอกประสิทธิภาพในการปกป้องผิวของเราไม่ให้ถูกทำร้ายโดย UVA ซึ่งเป็นรังสีที่มีคลื่นความยาวมากที่สุดและทำร้ายผิวของเราอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยร่องลึก เหี่ยวย่น เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำที่ฝังลึกและจัดการได้ยาก โดยค่า PA จะมีสัญลักษณ์ + ตามมาด้วย โดยจะมีตั้งแต่ 1ตัว ไปที่ค่ามาที่สุดคือ 4 ตัว (++++) โดยความหมายของการปกป้องผิวของค่า PA ได้แก่
ดังนั้นแล้วยิ่งเราเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า PA สูงมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยปกป้องผิวของเราจากรังสี UVA มากขึ้นเท่านั้น
ความจริงแล้วนั้นการจะเลือกใช้ค่า SPF และค่า PA ในครีมกันแดดขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หากอยู่ในที่ร่ม ตึก หรืออาคารเป็นประจำ กันแดด SPF30+ PA+++ ก็สามารถปกป้องผิวจากรังสีในแสงแดดได้แล้ว หรือหากต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF/PA สูงๆ เช่น SPF50+ PA++++ (ทั้งนี้ต้องใช้ครีมกันแดดในปริมาณที่เพียงพอ และหมั่นเติมครีมกันแดดทุกๆ 2-3 ชั่วโมง)
รู้แบบนี้แล้วก่อนการเลือกซื้อกันแดดในครั้งถัดไป อย่าลืมพิจารณาเลือกซื้อครีมกันแดดที่มีค่า SPF/PA ที่เพียงพอและเหมาะสมกับระดับกิจกรรมที่ทำ ใช้ครีมกันกันแดดในปริมาณที่เพียงพอเป็นประจำทุกวัน และหมั่นทาครีมกันแดดทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้ายจากรังสี UV ในแสงแดด